การสื่อสารจำเป็นต้องอาศัยสัญลักษณ์หรือภาษาเพื่อสื่อความคิด ความเข้าใจ
ความรู้สึกซึ่งกันและกัน
การสื่อสารจำเป็นต้องอาศัยทั้งสัญลักษณ์และภาษาเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน
ภาพ : http://www.cosmopolitan.co.uk/body/health/news/a33035/time-to-talk-5-february/ |
ภาษาในความหมายอย่างกว้าง
หมายถึง กริยาอาการที่แสดงออกมาแล้วสามารถทำความเข้าใจกันได้
ไม่ว่าจะเป็นระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับสัตว์ หรือสัตว์กับสัตว์
ส่วนภาษาในความหมายอย่างแคบนั้น หมายถึง เสียงพูดที่มนุษย์ใช้สื่อสารกันเท่านั้น
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ.
2542 ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า ภาษา ไว้ว่า
"ถ้อยคำที่ใช้พูดหรือเขียนเพื่อสื่อความของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น ภาษาไทย
ภาษาจีน หรือเพื่อสื่อความเฉพาะวงการ เช่น ภาษาราชการ ภาษากฎหมาย ภาษาธรรม เสียง ตัวหนังสือ หรือกิริยา อาการที่สื่อความได้ เช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน
ภาษาท่าทาง ภาษามือ"
ลักษณะสำคัญของภาษา
ไม่ว่าภาษาใดในโลกย่อมมีลักษณะสำคัญที่มุ่งสื่อสารให้เข้าใจหรือสื่อความรู้ ความคิด
ความรู้สึก
โดยมีนักวิชาการด้านภาษาได้แบ่งลักษณะสำคัญทางภาษาไว้อย่างน่าสนใจ เช่น
นิสา ศักดิ์เดชยนต์, ยุพา
ส่งศิริและใจเอื้อ บูรณะสมบัติ (2526 : 3), ประยุทธ
กุยสาคร. 2527 : 8-13) วิไลวรรณ
ขนิษฐานันท์ (ม.ป.ป. : 1-4), จรัลวิไล จรูญโรจน์ (2549 :15-22) เป็นต้น
สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.
ภาษาเป็นเสียงที่มีความหมาย
หมายถึงคำที่เป็นเสียงพูดเท่านั้น
ภาษาเขียนเป็นเพียงตัวแทนของภาษาพูด
เสียงที่มีความหมายในภาษาหนึ่งอาจเป็นเสียงที่ไม่มีความหมายในภาษาอื่นก็ได้
2. ภาษามีระบบกฎเกณฑ์ที่แน่นอน คือ
มีการวางโครงสร้างระบบลำดับของเสียงพูด
คำ ประโยค โดยมักแบ่งออกเป็น 2 ประการ คือ โครงสร้างทางไวยากรณ์และโครงสร้างทางเสียง
3. มีลักษณะที่อธิบายเหตุผลไม่ได้ คือ
ไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ว่าทำไมคำที่มีความหมายเดียวกันแต่เขียนและออกเสียงต่างกันทั้งที่มีความหมายตรงกัน
4. ภาษามีลักษณะเป็นสังคม
กล่าวคือภาษามีผู้ใช้อยู่ในวัฒนธรรมกลุ่มเดียวกัน
แต่การออกเสียงหรือสำเนียงอาจแตกต่างกันบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสรีระอวัยวะออกเสียงของแต่ละบุคคล
5.
ภาษามีลักษณะสร้างสรรค์ คือ
ภาษาสามารถสื่อความเป็นประโยคได้อย่างไม่รู้จบทั้งที่พยัญชนะ สระ
วรรณยุกต์มีจำนวนจำกัด
6.
ภาษาเป็นวัฒนธรรม กล่าวคือ
ภาษามีลักษณะสำคัญเหมือนวัฒนธรรม
เพราะภาษาเป็นมรดกทางสังคม
มีการถ่ายทอด มีการพัฒนา มีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงแก้ไขตามกาลสมัย
7.
ภาษามีระดับ
ภาษาย่อมมีระดับในการใช้เพื่อให้เหมาะสมกับกาลเทศะและถูกต้องตามบริบทที่เผชิญอยู่ โดยมากแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
คือ ภาษาปาก ภาษากึ่งแบบแผน และภาษาแบบแผน(ภาษาราชการ)
8.
ภาษาเป็นเรื่องของการใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน
กล่าวคือภาษาเป็นเรื่องของหมู่ชนที่ต้องทำความเข้าใจหรือวางสัญลักษณ์ที่เข้าใจร่วมกัน
9.
ภาษาย่อมเกิดจากการเรียนรู้
กล่าวคือ
มนุษย์จะเรียนรู้ภาษาได้ต้องอาศัยการได้ยินได้ฟังคนอื่นพูดมาก่อนแล้วค่อยเลียนแบบอย่างตาม การเรียนรู้ภาษาของมนุษย์อยู่ในทุกช่วงวัย นับตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น
วัยกลางคน วัยชรา มนุษย์ย่อมมีการเรียนรู้ภาษาอยู่เสมอ การเรียนรู้ภาษานั้นต้องอาศัยการเรียนรู้ผ่านกระบวนการทางสังคมไม่ใช้สัญชาตญาณ กล่าวคือ
หากเด็กที่มีพ่อแม่เป็นคนจีนมาอยู่ในสังคมไทยย่อมพูดภาษาไทยได้แต่ไม่สามารถพูดภาษาจีนอันเป็นภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ตนเองได้ แต่เด็กคนนี้ย่อมมีสัญชาตญาณในการเรียนรู้ภาษาจีนได้ดีกว่าคนไม่ใช่กลุ่มชาติพันธุ์จีน
10.
ภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสาร ภาษาเป็นเครื่องมือที่สื่อความรู้ ความคิด
ความรู้สึกของผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร
โดยกระบวนการสื่อสารนั้นต้องอาศัยภาษาเป็นเครื่องมือที่เข้าใจร่วมกัน นั่นคือภาษานั่นเอง
11. แต่ละภาษาย่อมมีความแตกต่างกัน
ทั้งนี้เพราะภาษาแต่ละภาษานั้นมีโครงสร้างทั้งทางเสียงและทางไวยากรณ์ที่แตกต่างกันย่อมนำมาซึ่งความหมายที่แตกต่างกันด้วย
หรือแม้แต่ในภาษาเดียวกันแต่มีโครงสร้างที่แตกต่างกันย่อมมีลักษณะความหมายที่แตกต่างกันไปด้วย
12. ภาษาย่อมไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว
กล่าวคือ
แม้ว่าภาษาจะมีระบบโครงสร้างที่ชัดเจน
แต่ความจริงแล้วโครงสร้างเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถกำหนดได้อย่างตายตัว ทั้งนี้เพราะต้องอาศัยบริบทต่าง ๆ
ช่วยเหลือให้ภาษาเหล่านั้นมีความหมายหรือเสียงต่างจากเก่าได้
13.
ภาษาทุกภาษาย่อมมีค่าแห่งความเป็นภาษาเท่าเทียมกัน กล่าวคือ
ภาษาย่อมมีคุณค่าความสำคัญเท่ากัน
ไม่ว่าจะเป็นภาษาไหนก็ตามทีทั้งนี้เพราะภาษาทุกภาษาย่อมกฎเกณฑ์และมาตรฐานที่ต่างกันแต่มีศักดิ์ในการสื่อสารเท่าเทียมกัน
14.
ภาษาเป็นวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ
ภาษาเป็นการออกเสียงโดยการกักเสียงหรือระเบิดเสียงตามหลักทางวิทยาศาสตร์สามารถฝึกหัดและเรียนรู้ได้
ศาสตร์ในการเรียนรู้ภาษาโดยอาศัยวิทยาศาสตร์ตั้งเรียนรู้ตั้งแต่ระบบสมองสั่งการ ระบบของอวัยวะออกเสียง ระบบเสียง
เรียกศาสตร์แขนงนี้ว่าภาษาศาสตร์
15. ภาษาย่อมมีการเปลี่ยนแปร
เนื่องจากภาษาเป็นการวางเงื่อนไขของสังคมแต่ละสังคม
ดังนั้นเมื่อมีผลกระทบอันเกิดจากภาษาย่อมมีการแปรเปลี่ยนภาษาได้ตามเหตุการณ์นั้น
ๆ ทางสังคมอย่างแน่นอน
16.
ภาษาย่อมมีความหมาย
ความหมายเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของภาษา
ทุกภาษาย่อมต้องมีความหมายอยู่ด้วยเสมอซึ่งมีอยู่ 3 อย่างคือ
1)ความหมายที่แทนรูปธรรม
เช่น คน
ต้นไม้ สัตว์ เป็นต้น
2)ความหมายที่แทนนามธรรม เช่น
หนาว ร้อน ชอบ
สวย สบาย ดี ชั่ว
เป็นต้น
3)ความหมายของคำที่มีบริบทหรือตำแหน่งเป็นตัวบังคับ เช่น
ไก่ขันตอนเช้า /ขัน/ หมายถึง กิริยาอาการส่งเสียงของไก่ เขาใช้ขันตักน้ำ /ขัน/
หมายถึง ภาชนะที่ใช้ตักน้ำ เป็นต้น
แหล่งที่มา :
เรียบเรียงโดย
: นายศรนารายณ์ บุญขวัญ รหัสนักศึกษา 56103304157
สาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น